พระเครื่อง เครื่องราง

5 หลักการกินน้ำผึ้งให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

น้ำผึ้งอีกหนึ่งอรรถรสความหอมหวานที่ธรรมชาติรังสรรค์มาให้เราสามารถหยิบเอาไปใช้ประโยชน์ได้สารพัด ไม่ว่าจะในด้านของการรับประทาน น้ำผึ้งก็ให้สรรพคุณทางยาอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

5 หลักการกินน้ำผึ้งให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

สำหรับสาวๆ ที่รักสวยรักงามก็ยังนำน้ำผึ้งมาเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในการปรนนิบัติความงามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และแม้ว่าน้ำผึ้งจะถูกขนานนามว่าเป็นยาดีที่ได้จากธรรมชาติ แลดูไม่มีพิษภัยหรือรับประทานแล้วจะไม่มีอันตรายต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่ทางตำราแพทย์ของจีนได้แนะนำหลักในการกินน้ำผึ้งไว้ค่ะ เพราะหากเรารู้จักกินน้ำผึ้งอย่างมีเทคนิคก็จะได้รับคุณประโยชน์สำคัญอย่างมากทีเดียว รวมถึงอาหารต้องห้ามอื่นๆ ที่ไม่ควรกินควบคู่กันกับน้ำผึ้ง ไม่เช่นนั้นก็อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพตามมาได้ ว่าแล้วก็อย่ารอช้าเรามาดูหลักการกินน้ำผึ้งอย่างถูกต้องกันดีกว่าว่าไม่ควรกินพร้อมกับอาหารใดบ้าง

หากป่วยเป็นเบาหวานไม่ควรกินเด็ดขาด
แม้น้ำผึ้งจะเลื่องชื่อในด้านคุณสมบัติทางยาเพียงใด หากก็มีน้ำตาลกลูโคสและน้ำตาลฟรุ๊กโตสที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วซึ่งจะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นสูงมาก ดังนั้น ในผู้ป่วยเบาหวานหากกินเข้าไปก็อาจจะทำให้ตับหลั่งอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลไม่ทัน และนั่นก็ย่อมส่งผลให้อาการป่วยทรุดตัวลงเร็วผิดปกติได้นั่นเอง

5 หลักการกินน้ำผึ้งให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ไม่ควรผสมกับน้ำร้อน
หลายคนนิยมกินน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น แต่ก็ไม่ควรผสมกับน้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อนเด็ดขาด โดยอุณหภูมิของน้ำที่จะนำมาชงไม่ควรเกินกว่า 40 องศา ไม่เช่นนั้น ความร้อนจะทำลายเอนไซม์ กรดอะมิโน เหล่าวิตามินและสารอาหารต่างๆ ในน้ำผึ้งให้หมดไป

ไม่ควรกินตอนท้องเสีย
หากท้องเสีย.. บางคนอาจจะชงน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นดื่มทดแทนเกลือแร่ เพราะเข้าใจว่าอาจได้รับคุณประโยชน์ต่อสุขภาพดีกว่า ซึ่งแท้จริงแล้ว น้ำผึ้งนั้นมันมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ ยิ่งกินเข้าไปก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียมากขึ้นได้ด้วยซ้ำ ดังนั้น หากเกิดอาการท้องเสียขึ้นอย่างรุนแรงล่ะก็ แนะนำให้หันมาจิบน้ำเกลือแร่แทนการดื่มน้ำผึ้งจะดีกว่า

5 หลักการกินน้ำผึ้งให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ไม่ควรกินพร้อมกุยช่าย
เพราะผักกุยช่ายเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง และหากมันมารวมตัวกับโลหะทองแดงและธาตุเหล็กที่มีในน้ำผึ้งก็จะเกิดปฏิกิริยาออกซิแดนท์ขึ้น ทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหารไปได้ค่ะ อีกทั้งกุยช่ายก็มีไฟเบอร์สูง ในขณะที่น้ำผึ้งก็มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ อยู่แล้ว เมื่อมันมารวมตัวกัน เมื่อนั้น.. คุณอาจจะเกิดอาการท้องเสียตลอดวันอย่างไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้

ไม่ควรกินกับเต้าหู้
เนื่องจากน้ำผึ้งเป็นอาหารจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติร้อน ในขณะที่เต้าหู้มีคุณสมบัติเย็น ช่วยขับความร้อนและกระจายเลือด เมื่อนำสองอย่างนี้มากินควบคู่กันอาจถึงกับเป็นไข้ขึ้นได้ ทางด้านวิทยาศาสตร์เองก็ได้พิสูจน์เอาไว้แล้วเช่นกันว่าน้ำเต้าหู้กับน้ำผึ้งไม่ควรกินพร้อมกัน เพราะเอนไซม์จากน้ำผึ้งจะเข้าไปทำลายโปรตีนจากในเต้าหู้และมันก็จะถูกทำลายคุณค่าของสารอาหารนั้นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการกินน้ำผึ้งอย่างถูกหลัก อย่าลืมหลีกเลี่ยงการกินคู่กับอาหารดังที่เราแนะนำไป แล้วคุณก็จะได้คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพอย่างเต็มๆ แน่นอนค่ะ