การชงกาแฟนั้นมีด้วยกันหลายวิธี โดยสามารถแบ่งตามประเภทการให้น้ำร่วมกันกับกากกาแฟออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้
1. การต้มเดือด
กาแฟตุรกี ใช้วิธีการชงแบบดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันยังคงใช้วิธีนี้กันอยู่ในแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ กรีซและตุรกี โดยการนำผงกาแฟที่ละเอียดมาต้มเข้ากับน้ำในหม้อคอคอด ซึ่งมักเรียกกันว่าไอบริก ในภาษาอารบิก เซสฟ์ ในภาษาตุรกีและเซสวาในภาษาเซอร์โบ-โครเอเชียน จากนั้นปล่อยให้เดือดเล็กน้อย ในบางครั้งก็จะมีการเติมน้ำตาลเข้าไปในหม้อด้วยเพื่อเพิ่มรสหวาน อีกทั้งยังเพิ่มการปรุงแต่งรสและกลิ่นด้วยกระวาน ผลที่ได้ก็คือ จะได้กาแฟเข้มข้นถ้วยเล็กๆ ที่มีฟองนุ่มๆ ลอยอยู่ด้านบนและยังมีกากกาแฟหนาเหมือนโคลนกองนอนรวมตัวกันอยู่ที่ก้น
2. การใช้ความดัน
เอสเปรสโซ่ เป็นกาแฟที่ถูกชงขึ้นด้วยน้ำเดือดอัดความดันและเป็นส่วนผสมหลักในการนำไปผสมกับเมนูกาแฟอื่นๆ อีกหลายประเภท ขณะเดียวกัน เอสเปรสโซ่ก็จัดเป็นกาแฟที่นิยมเสิร์ฟดื่มเปล่าๆ ด้วย โดยมากมักจะเป็นที่นิยมดื่มกันในหลังมื้อค่ำ เอสเปรสโซ่นั้นจะมีรสชาติและความมัน (crema) ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนเป็นของตัวเอง
เครื่องชงกาแฟแบบใช้น้ำร้อนซึม (หรือหม้อม็อคค่า) จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยในส่วนล่างจะใช้สำหรับต้มน้ำเพื่อให้ไอน้ำลอยไปยังกากกาแฟที่อยู่ตรงกลาง น้ำกาแฟที่ได้ก็จะมีความเข้มข้น เครื่องชงกาแฟประเภทนี้จะมีระดับเดียวกับเอสเปรสโซ่ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในส่วนบนสุดและเป็นส่วนที่มักวางติดไว้กับเครื่องอุ่นหรือเตา เครื่องบางประเภทอาจจะมีฝา 5 แก้วหรือพลาสติกใสเพื่อให้เราสามารถคอยดูกาแฟ ตอนที่มันลอยตัวขึ้นไปยังด้านบนพร้อมกันด้วยได้
3. การใช้แรงโน้มถ่วง
การชงแบบหยด (หรือแบบกรอง) เป็นการชงกาแฟที่ใช้การหยดน้ำร้อนผ่านกากกาแฟที่วางอยู่บนที่กรอง โดยมากจะใช้เป็นกระดาษกรองหรืออาจใช้เป็นโลหะเจาะรูเล็กๆ ก็ได้ สำหรับความเข้มของกาแฟนั้นขึ้นอยู่กับสัดส่วนระหว่างกาแฟและน้ำที่รินเพื่อให้หยดผ่านลงไป แต่โดยปกติแล้ว ระดับความเข้มข้นของกาแฟจะไม่เข้มเท่าเอสเปรสโซ่
เครื่องชงกาแฟแบบใช้น้ำร้อนซึมประเภทที่ 2 เครื่องประเภทนี้เป็นแบบที่ใช้แรงโน้มถ่วงดึงเพื่อให้น้ำร้อนไหลผ่านกากกาแฟ ทว่าจะให้รสชาติความเข้มมากกว่าแบบอื่น
4. การจุ่ม
เฟรนช์เพรส มีลักษณะเป็นกระบอกแก้วทรงสูงและแคบ โดยประกอบไปด้วยลูกสูบที่มีตัวกรองกาแฟและน้ำร้อนซึ่งจะถูกนำมาผสมกันภายในกระบอกประมาณ 2-3 นาที ก่อนที่ตัวลูกสูบที่อยู่ในฟอยล์โลหะจะถูกกดลงต่ำ เพื่อให้เหลือแต่น้ำกาแฟอยู่ด้านบนซึ่งเป็นน้ำกาแฟสำหรับใช้พร้อมเสิร์ฟได้เลย
ถุงกาแฟ มีลักษณะเดียวกันกับถุงชาค่ะ แต่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมใช้น้อยกว่าการใช้ถุงชงชามาก เพราะมีขนาดที่ใหญ่กว่า ปริมาณของกาแฟที่จะต้องนำใส่เข้าไปภายในถุงก็ย่อมมากว่าปริมาณชาค่อนข้างมากทีเดียว
การชงกาแฟทุกแบบที่เราได้กล่าวไว้เบื้องนั้นต่างก็ต้องใช้กากกาแฟเพื่อชงกับน้ำร้อน โดยกาแฟอาจถูกปล่อยค้างอยู่หรือถูกกรองออกไป ซึ่งแต่ละวิธีการก็ล้วนมีความละเอียดจากการนำกาแฟบดที่แตกต่างกันไปมาใช้ร่วมด้วย
ปัจจุบันมีเครื่องทำกาแฟแบบไฟฟ้าซึ่งมีคุณสมบัติตรงที่สามารถต้มน้ำและชงผงให้ละลายได้เองเลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนชง อีกทั้งบางประเภทยังมีตัวตั้งเวลาพร้อมกันด้วย หากขณะเดียวกัน กลับไม่เป็นที่นิยมนักสำหรับคอกาแฟที่รักการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ เนื่องจากวิธีการที่สะดวกสบายเช่นนี้มักทำให้รสชาติของกาแฟที่ดีสูญเสียไปพร้อมกับกลิ่นหอมๆ ด้วย นักดื่มกาแฟหลายคนจึงมักโปรดปรานการชงกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ตลอดจนวิธีการชงแบบเดิมมากกว่า เพราะการชงสดใหม่โดยตรงเองย่อมคงไว้ซึ่งรสชาติและกลิ่นอันหอมหวานเป็นที่ถูกคอเช่นเดิมนั่นเอง