ปกติแล้ว เมื่อเรากินอาหารเข้าไปมันก็จะถูกย่อยจนละเอียดแล้วผ่านกระบวนการของระบบลำไส้ เพื่อรอขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ แต่หากใครกินอาหารเข้าไปแล้วมีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ หรือถ่ายออกมาได้น้อย ปัญหาอุจจาระตกค้างก็ย่อมเกิดขึ้นภายในร่างกายเป็นแน่
ส่งผลทำให้ลำไส้และระบบภายในต่างๆ ของร่างกายเกิดกลิ่นเหม็นเน่าจนส่งกลิ่นตัวและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่างๆตามมา วันนี้เรามารับมือป้องกันและแก้ปัญหาการขับถ่ายเพื่อขับล้างอุจจาระตกค้างด้วย 3 สูตรอาหารเพื่อสุขภาพกันดีกว่า
สาเหตุอุจจาระตกค้างจนเกิดอาการท้องผูก
1.เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก่อนกลืน
2.กินอาหารที่ให้กากใยอาหารน้อยเกินไป
3.มีพยาธิหรืออาจมีเชื้อราภายในร่างกายจนทำให้ระบบการย่อยอาหารมีความผิดปกติ
4.ระบบดูดซึมสารอาหารเสื่อมสภาพหรือไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เปรียบดั่งน้ำมันพืชได้เข้าไปเคลือบจนทำให้น้ำที่เราดื่มเข้าไปไม่สามารถหมุนเวียนเคลื่อนที่ได้
5.การขับถ่ายไม่เป็นระบบเวลา โดยมากจะไม่ถ่ายในตอนเช้าเวลา 05:00-07:00 น.
เนื่องจากช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขับถ่ายก็คือ ตอนตี 5 – 7 โมงเช้า แต่หากเราขับถ่ายหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว ลำไส้จะบีบให้อุจจาระย้อนกลับขึ้นไปข้างบน ทำให้เวลาเราถ่ายก็ไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้หมด ซึ่งปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่ออุจจาระเหลวมาจ่อที่ปลายทวาร ในส่วนประสาทดังกล่าวก็จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อให้เรารู้สึกปวดท้อง และหากขับถ่ายในหลังจาก 7 โมงเช้า ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ ทั้งยังบีบให้อุจจาระเกิดการขาดช่วงและบางทีเราก็รู้สึกว่าถ่ายออกไปหมดแล้ว แต่แท้จริงมันกลับดันย้อนขึ้นไป อุจจาระที่ย้อนขึ้นไปนั้นจะเข้าไปเกาะยังผนังลำไส้ เมื่อมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็จะไหลมาจ่อที่ปลายทวารและถูกขับถ่ายออกมาตามปกติ ในขณะที่อุจจาระเก่าที่ยังคงแข็งค้างอยู่ตามผนังลำไส้ก็จะยังคงเกาะตัวติดแน่นต่อไปนั่นเอง
ดังนั้น เวลาที่เราขับถ่ายในวันต่อมาทุกๆ วัน มันก็จะขับถ่ายออกมาแต่เพียงอุจจาระเหลวเท่านั้น แต่อุจจาระแข็งที่ตกค้างอยู่ก็จะยังคงเกาะติดแน่นไปเรื่อยๆ จนอุจจาระค้างไปกดทับเส้นเลือดต่างๆ ในกระเพาะอาหารและยังกดทับกระดูกหลัง ทำให้เรามีปัญหาเจ็บป่วยต่างๆ ตามมา เช่น มีอาการท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อไหล่และสะบัก เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ปวดไมเกรน ฝ้าขึ้นบนใบหน้าและยังเป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งลำไส้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การนำเอาอุจจาระตกค้างออกจากร่างกายจำเป็นอย่างมากที่จะต้องตรวจดูก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใดจากทั้ง 5 สาเหตุข้างต้นที่กล่าวไป และหากผู้ป่วยได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะสามารถรู้สาเหตุได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กรณีที่ไม่สะดวกไปตรวจ แนะนำให้ใช้ยาถ่ายพยาธิแล้วลองรับประทานสูตรอาหารดังนี้ก็จะช่วยกำจัดอุจจาระตกค้างออกได้ค่ะ
สูตรที่ 1
ผสมเม็ดแมงลัก 2 ช้อนชากับน้ำเปล่า 1 แก้ว ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที เม็ดแมงลักจะพองตัวขึ้น ให้นำมาดื่มก่อนนอน รับรองค่ะว่ามันจะทำหน้าที่ช่วยกำจัดเอาอุจจาระตกค้างออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ดื่มสูตรนี้ทุกวันหรืออาจดื่มสัปดาห์ละ 3-4 วันตามชอบ
สูตรที่ 2
รับประทานผักบุ้งปริมาณ 2 กำมือ ไม่ว่าจะนำมาผัดหรือลวก ต้มก็ได้ตามชอบ เนื่องจากผักบุ้งเป็นผักที่มีเส้นใยอาหารสูงจึงช่วยกวาดเอาอุจจาระตกค้างออกมาได้ดีเช่นกัน
สูตรที่ 3
ดื่มนมสดพร่องมันเนยหรือนมสดไขมันต่ำ 2 กล่อง (ปริมาณ 500 มิลลิตร) และรับประทานกล้วยน้ำว้า 2 ลูก โดยทานก่อน 6 โมงเช้า ระยะแรกๆ ควรทานติดต่อกัน 3 วัน จากนั้นหากสามารถขับถ่ายเป็นเวลาก่อน 7 โมงเช้าตามปกติได้แล้ว จึงลดลงมาทานสัปดาห์ละ 2 ครั้งหรือตามความเหมาะสมของร่างกาย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่เพื่อให้การขับถ่ายดีขึ้น
นอกจากการกินอาหารตามสูตรที่แนะนำไปแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาท้องผูกหรือขับถ่ายยาก ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่จะดีที่สุด โดยเริ่มจากการกินผักผลไม้ที่ให้กากใยอาหารสูง ดื่มน้ำให้มากๆ วันละ 8-10 แก้ว อาจจะดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวเป็นประจำทุกเช้าก็ได้ โดยทำให้ติดเป็นกิจวัตรประจำวันทุกวัน นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนที่และมีการบีบตัวจนกระตุ้นให้การขับถ่ายทำงานดีขึ้นได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มักมีปัญหาท้องผูกหรือขับถ่ายไม่เป็นเวลาบ่อยๆ แนะนำให้ตื่นมานั่งฝึกขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน โดยฝึกนั่งขับถ่ายเป็นเวลาเดิมอาจจะประมาณช่วง 6-7 โมงเช้าก็ได้ตามที่คุณสะดวก เพื่อให้ร่างกายและระบบขับถ่ายรู้ตัวเองโดยอัตโนมัติ มันจะได้กระตุ้นลำไล้ให้ทำงานคล่องตัวจนสามารถขับถ่ายออกมาเป็นเวลาประจำทุกๆ วันได้นั่นเอง
หากคุณหมั่นฝึกทำได้ตามนี้และหากมีปัญหาถ่ายไม่ออกก็หันมารับประทานสูตรอาหารดังกล่าว รับรองสุขภาพจะแข็งแรงและห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ได้สูงขึ้นแน่นอน