พระเครื่อง เครื่องราง

เคล็ดลับน่ารู้การเลือกใช้น้ำมันพืชให้เหมาะสม

เมื่อไรที่คุณแม่บ้านแวะเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วต้องไปเลือกซื้อน้ำมัน เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยเป็นต้องชั่งใจกับการเลือกซื้อน้ำมันแต่ละชนิดด้วยการเสียเวลาอ่านฉลากเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของน้ำมันแต่ละประเภทกันอยู่แล้วแน่นอน และวันนี้เราจะช่วยประหยัดเวลาให้คุณได้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับการประกอบอาหารมากยิ่งขึ้นดังนี้แล้วค่ะ

vegetable_oil

น้ำมันแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก ดังนี้
– น้ำมันพืช
องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว นอกจากน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันเมล็ดปาล์ม น้ำมันพืชนี้จะไม่ค่อยเป็นไขแม้จะแช่ตู้เย็นก็ตาม แต่มักจะทำปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนตามมาหลังจากประกอบอาหารแล้ว

– น้ำมันสัตว์องค์ประกอบส่วนใหญ่มักเป็นกรดไขมันอิ่มตัว เป็นไขได้ง่ายและมีกลิ่นเหม็ดหืนได้ง่ายมากๆ อีกด้วย แม้ว่าจะเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติแล้วยังมีคลอเรสเตอรอลที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพอีกด้วย

vegetable_oil2

เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันพืชทั่วไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
– น้ำมันมะกอก

มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากที่สุด จึงช่วยลดคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน A เบต้าแคโรทีน จึงช่วยบำรุงผิวให้มีความยืดหยุ่น อ่อนเยาว์ ลดรอยเหี่ยวย่นในผิว ส่วนใหญ่มักนำมาทำเป็นน้ำสลัดเนื่องจากน้ำมันมะกอกหากนำมาทำอาหารประเภทผัดหรือทอดจะทำให้เกิดควันได้ง่ายนั่นเอง

– น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวันและน้ำมันข้าวโพด
มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวระดับปานกลาง ไม่เป็นไขง่ายแม้อยู่ในอุณหภูมิต่ำ แต่หากผ่านความร้อนสูงจะเกิดอนุมูลอิสระได้ง่าย เหมาะกับการนำมาประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนระดับปานกลาง เช่น ผัดหรือนำมาทำน้ำสลัดและมาการีน

– น้ำมันรำข้าว น้ำมันปาล์มและน้ำมันเมล็ดฝ้าย
มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง แต่มีกรดไขมันประเภทอิ่มตัวสูง ทำให้เกิดคลอเรสเตอรอลง่าย แต่ก็เป็นแหล่งของวิตามินอี ทนความร้อนได้สูงจึงนิยมนำมาประกอบอาหารประเภททอดกันมาก

– น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย
มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงมากที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชที่เราใช้กัน แต่ทั้งนี้ก็นับว่าเป็นกรดไขมันที่ยังมีความจำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย ในปัจจุบันผู้คนมักนิยมนำมาทำอาหารประเภทมังสวิรัติหรือทำอาหารเพื่อสุขภาพทานกันค่ะ

coconut

– น้ำมันมะพร้าว
มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก เป็นไขง่ายเมื่อเก็บในที่มีอุณหภูมิต่ำ จึงไม่ค่อยนิยมนำมาประกอบอาหารทาน แต่มักถูกนำมาใช้ในการผลิตมาการีนและสบู่มากกว่า

– น้ำมันงา
มีอายุการใช้งานมาอย่างเนิ่นนานแล้วสำหรับน้ำมันงาและมีการสกัดจากการบดแบบธรรมดา โดยไม่ได้ผ่านการใช้ความร้อนเหมือนการสกัดน้ำมันชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่เราไม่ได้นำน้ำมันงามาใช้ประกอบอาหารที่ผ่านความร้อนโดยตรง แต่โดยมากจะนำมาใช้ปรุงแต่งรสชาติและกลิ่นอาหาร โดยเฉพาะกับอาหารจีน เพราะน้ำมันงามักจะมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแตกต่างนั่นเองค่ะ

vegetable_oil3

จากนี้คุณแม่บ้านทั้งหลายก็ทราบกันแล้วนะคะว่า น้ำมันพืชที่เรานำมาใช้ประกอบอาหารทั่วไปนั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไรบ้าง น้ำมันแต่ละประเภทก็ล้วนมีดีต่อสุขภาพร่างกายแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ ขึ้นชื่อว่าน้ำมันแล้วหากทานมากไปก็ย่อมเกิดคลอเรสเตอรอลภายในร่างกายได้ ดังนั้น ทานแต่เพียงพอดีจะดีกว่าค่ะ