ช่วงนี้แก้วใสรู้สึกตัวเองดื้อจริงๆ เลยค่ะ ชอบปล่อยตัวให้เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ บ่อยจนได้ หลายวันมานี้ปวดหูมาก ไปพบหมอมาแล้วเมื่อวาน คุณหมอบอกว่ารูหูภายในบวม สาเหตุเนื่องจากการที่เรานำคอตตอลบัตมาปั่นหูอยู่บ่อยๆ และการที่เผลอให้น้ำเข้าหูเวลาสระผม นี่คือคำที่คุณหมอกำชับว่า “ห้ามทำอีกนะครับ”แอบคิดในใจ คุณหมอเก่งจัง รู้ได้ยังไงว่าแก้วใสชอบปั่นหู แต่เวลาสระผมจะระวังมากเป็นพิเศษค่ะเพื่อไม่ให้น้ำเข้าหูไม่งั้นคงตื้อๆ ทรมานแย่เนอะ เอาล่ะ แต่ในเมื่อรูหูภายในบวมเพราะพฤติกรรมแบบนี้ จากนี้ก็ต้องเตือนสติตัวเองว่าห้ามทำอีก ไม่เช่นนั้น อาการปวดหูมันจะยิ่งทรมานเป็นทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ และแก้วใสก็กลัวมากค่ะ กลัวว่าเราจะต้องมีหนองภายในแล้วต้องเจาะหู ตอนนี้ก็เลยพยายามทานยาและหยอดยาตามหมอสั่งนั่นเอง
วันนี้แก้วใสหยอดยาโดยนอนตะแคงข้าง เริ่มหยอดตั้งแต่เมื่อคืนก่อนนอนแล้ว บอกตรงๆ เลยว่าไม่รู้สึกคุ้ยเคยเลยกับการมีน้ำเย็นๆ ซู่ซ่าขังอยู่ในรูหูอันแสนบอบางของเรา (อันนี้แอบคิดว่ามันซู่ซ่าไปเองค่ะ อิอิ) พอนอนหยอดแล้วตะแคงให้ตัวยาซึมขังอยู่ในรูหูเป็นเวลานาน 5 นาที ก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะขาด แขนขาหมดเรี่ยวแรงราวกับโดนใครปิดปุ่มคอลโทรลไปเลยทันใด แต่ก็ต้องกัดฟันทนเนอะ อีกใจแม้กลัวว่ามันจะไม่หาย.. กลัวสารพัดว่ามันอาจจะทำให้เราเป็นหนักหรือเปล่า ก็หมอสั่งห้ามว่าไม่ควรโดนน้ำเข้าหู แต่นี่มีน้ำ(ยา)อยู่ในรูหูนานตั้ง 5 นาทีขนาดนี้ มันจะไม่เป็นอะไรเลยเหรอ ในใจแอบคิด แอบกลัวสารพัดเลยค่ะ แต่พยายามมองโลกในแง่ดีไว้ว่านี่คือ ยาที่ใช้รักษาอาการหูบวมของเรา เดี๋ยวเราก็ต้องดีขึ้นและหาย เอาเถอะกัดฟันทนสักหน่อย ไม่กี่วันต้องดีขึ้นแน่ๆ ดีกว่าปล่อยให้ยิ่งบวม จนอักเสบเป็นหนองภายในกระทั่งผ่าตัดแบบนั้นคงไม่ดีแน่จริงมั้ยคะ
และวันนี้นอกจากแก้วใสต้องมานอนหยอดยาใส่หูวันละ 3 เวลา จำนวน 3-4 หยดต่อครั้งแล้วก็รู้สึกจั๊กจี้รูหูและปวดตื้อๆ จี๊ดๆ หน่วงๆ อยู่บ้าง แต่… มันทำให้แก้วใสค้นพบข้อดีอย่างหนึ่งค่ะ ด้วยเพราะมันเป็นอาการที่แอบทรมานกับตัวเองเงียบๆ แก้วใสเลยเลือกที่จะพยายามอยู่นิ่งๆ อยู่กับอาการของตัวเอง โดยที่พยายามประคองตัวให้ใจเรา ตัวเราสบายมากที่สุด แล้วก็นั่งทำงานเงียบๆ ใช้เพียงสติและสมาธิในการขับกล่อมตัวเราให้ตั้งใจทำงานตรงหน้าให้ออกมาดีที่สุด กระทั่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจก็บังเกิด วันนี้แก้วใสทำงานที่ไม่เคยทำได้ตามแผน(ในหลายวัน) สำเร็จได้ตั้ง 80% เลยทีเดียวเชียวแน่ะ นั่นเพราะเราไม่พูด ไม่คุย ไม่ทำอะไร นอกจากการหยุดนิ่งๆ มีสติและทำในสิ่งที่ควรทำด้วยหน้าที่ที่ควรเป็นอยู่ นั่นก็คือการนั่งทำงานด้วยสมาธิเงียบๆ นั่นเอง
หลายวันก่อนแก้วใสไม่ได้หยอดยา ทานแต่ยาอย่างเดียวซึ่งก็ไม่ได้หาย อาการปวดมีมากเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง นั่งทำงานนิ่งๆ เงียบๆ เพราะความแอบทรมานเล็กๆ เหมือนวันนี้ เห็นทีคงต้องขอบคุณอาการป่วยและขอบคุณตัวยาหยอดหูที่คุณหมอจัดให้มา ไม่เช่นนั้น แก้วใสคงดื้อ อยู่ไม่สุก ไปนั่นทำนี่และพูดคุยกับเพื่อนๆ จนเหลิงไม่เป็นอันทำงานแน่นอนค่ะ
เห็นมั้ยคะว่าวันที่เราเจ็บป่วย ไม่ได้หมายถึงการต้องล้มหมอนนอนเสื่อเสมอไป ตราบใดที่อาการเจ็บยังห่างไกลหัวใจ เราก็ต้องควบคุมสติ นั่งทำงาน ทำหน้าที่ที่ควรรับผิดชอบต่อไปให้ดีที่สุด และยิ่งโดยเฉพาะใครที่ร่างกายไม่ได้เจ็บป่วย ยังมีสุขภาพแข็งแรงเต็มกำลัง นั่งคือโอกาสที่คุณควรตั้งสติ ทำสมาธิให้นิ่งที่สุดแล้วตั้งใจทำงานตรงหน้าโดยไม่ต้องสนใจแคร์สิ่งรอบข้าง แล้วงานที่คุณเคยบ่นว่ายาก สับสน วุ่นวาย แก้ไขไม่ออก คราวนี้แหละ สติจะช่วยคุณสะสางงานได้ดีเองค่ะ เหมือนอย่างที่แก้วใสกำลังเป็นอยู่ยังไงละคะ วันนี้แก้วใสค้นพบแล้วว่า…
– – แท้จริงแล้ว ..ความเจ็บป่วยเป็นเพียงเสียงเตือนเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจแก้วใสเติบโตมากขึ้น – –