ครัวซองต์ (Croissant) ขนมสุดโปรดที่หลายคนชื่นชอบ จะดีสักแค่ไหนกันนะที่ยามเช้าเราจะได้ตื่นมานั่งจิบกาแฟกินกับครัวซองต์เหนียวนุ่ม แถมกลิ่นเนยสดยังลอยมาปะทะปลายจมูก ยิ่งทำให้บรรยากาศในยามละเลียดขนมอร่อยๆ พร้อมกับการจิบกาแฟนี้ ยิ่งมาพร้อมช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างยิ่ง เพราะเหตุนี้ เราจึงหยิบวิธีทำครัวซองต์เนยสดมาฝาก ใครอยากลองทำเป็นบ้าง อย่ารอช้า.. รีบมาดูขั้นตอนการทำพร้อมๆ กันเลย
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม สำหรับการทำครัวซองต์เนยสด
– แป้งขนมปัง 500 กรัม
– น้ำตาลทราย 40 กรัม
– นมผง 100 กรัม
– ยีสต์ 10 กรัม
– เกลือ 7 กรัม
– น้ำเย็น 275 มิลลิลิตร
– สารเสริมคุณภาพ (Bread Improver) 5 กรัม (ถ้าไม่มี ไม่ต้องใส่ก็ได้)
– เนยสดชนิดจืด 250 กรัม (สูตรนี้ขอแนะนำเนยจืดยี่ห้อ Ancor เพราะหากเทียบกับเนยยี่ห้ออื่นๆ หลังจากรีดแป้งไปได้สักพัก เนยจะแตกเป็นก้อนเล็กๆ ไม่เรียบเนียนกลมกลืนไปกับเนื้อแป้ง)
ขั้นตอนการทำ
1.นำแป้งขนมปัง นมผง น้ำตาลทราย เกลือ ยีสต์และสารเสริมคุณภาพมาใส่ลงไปในอ่างผสม จากนั้นคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันด้วยพายยางหรือมือ เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจึงเติมน้ำเย็นลงไป
Tip : แนะนำให้เอาส่วนผสมที่เป็นของแห้งทั้งหมดใส่ลงไปในอ่างผสมก่อน ยกเว้นน้ำเย็นกับเนย เพราะเราจะเติมน้ำในตอนท้ายสุดสำหรับการคนส่วนผสม ส่วนเนยจะเอาไว้สำหรับห่อใส่แป้งแล้วรีดพับนั่นเอง ในระหว่างที่นำส่วนผสมแบบแห้งมาใส่ลงไป ให้แยกส่วนผสมแต่ละชนิดไว้เป็นกองๆ ก่อนเพื่อให้เราเห็นชัด เผื่อเราลืมใส่ส่วนผสมใดลงไปจะได้มองเห็นได้ง่ายนั่นเอง ที่สำคัญอย่าให้ยีสต์สัมผัสกับน้ำตาลและเกลือโดยตรง เพราะจะทำให้ยีสต์เสื่อมสภาพขึ้นได้ โดยใช้พายยางหรือมือของคนค่อยๆ คนส่วนผสมทั้งหมดจนพอเข้ากัน จากนั้นก็เติมน้ำเย็นลงไป
2.นวดแป้งต่อไปสักพักจนส่วนผสมทั้งหมดละลายและกลายเป็นเนื้อเดียวกันดีแล้ว
Tip : ให้สังเกตดูนะคะว่าเนื้อแป้งที่ทำออกมาจะต้องไม่มีน้ำตาลทราย เกลือและยีสต์จับตัวกันเป็นก้อนๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ แป้งโดที่เรานวดจนได้ที่แล้วจะต้องไม่ออกมาเนียนมากเกินไป เพราะแป้งครัวซองต์ที่นวดได้ที่ควรจะต้องมีลักษณะหยาบ ไม่ออกมาเนียบเหมือนการทำขนมอื่นๆ ซึ่งภายหลังจากนั้นเราจะนำแป้งไปรีดพับกับเนย ตัวแป้งจะค่อยๆ เรียบเรียนขึ้นเองหลังจากรีดพับไปเรื่อยๆ แต่หากเรานวดแป้งจนเรียบเรียนตั้งแต่ครั้งแรก เมื่อนำไปรีดพับ เนื้อแป้งจะยิ่งบาง ทำให้ฉีกขาดและยังทำให้เนยทะลักออกมาได้ง่ายอีกด้วย
3.หลังจากแป้งโดได้ที่ดีแล้ว ก็ให้นำแป้งไปรีดจนกลายเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีซทันที โดยแช่จนกว่าแป้งจะเย็นจัดทั้งหมด
Tip : ระยะเวลาในการแช่ไม่แน่นอนตายตัว เพราะช่องแช่ฟรีซของบ้านแต่ละท่านอาจจะมีความเย็นแตกต่างกัน ดังนั้น คุณอาจจะแช่นานประมาณ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก็ได้ตามความสมควร แต่ระยะเวลาที่แนะนำคือ แช่ทิ้งไว้ 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็นำแป้งออกมา แต่ให้เอาไปแช่ในช่องแช่เย็นปกติต่อ ไม่ควรเอาแป้งออกจากช่องฟรีซแล้วมาวางคลายความเย็นในห้องอุณหภูมิทั่วไปในทันทีเด็ดขาด
4.ในระหว่างที่รอแป้งคลายตัว ให้นำเนยที่แช่เย็นออกมาเตรียมไว้ โดยนำออกมาทุบจนเนยแบนเป็นก้อนลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยให้มีขนาดที่เล็กกว่าแป้งที่เราจะนำมาห่อนั่นเอง
Tip : สภาพของเนยจะต้องไม่แข็งและเละจนเกินไป ควรอยู่ในสภาพดีซึ่งคุณสามารถเช็กได้จากการลองกดหรือบีบเนยดู หากพบว่าสามารถบีบหรือกดลงไปได้ โดยที่เนยยังไม่มีสภาพเละและยังคงซึ่งความเย็นปกติอยู่ก็แสดงว่าสภาพของเนยยังใช้งานได้
5.เมื่อแป้งมีสภาพคลายตัวดีแล้ว โดยสังเกตว่าแป้งจะต้องไม่นิ่มหรือแข็งเกินไป สามารถที่จะนำมารีดให้กลายเป็นแผ่นได้ และที่สำคัญอุณหภูมิของตัวแป้งจะยังต้องเย็นอยู่ จากนั้นก็นำเนยมาวางทับลงไปบนแผ่นแป้ง โดยวางแผ่นเนยตรงกลาง
6.ให้พับแป้งทีละข้าง โดยเริ่มพับจากด้านซ้ายก่อนให้ขอบของแป้งในแต่ละข้างนั้นพับทบมาบรรจบกันที่ตรงกึ่งกลางของแผ่นแป้งอย่างพอดี จากนั้นจึงลงมือรีดแป้งขึ้น-ลางแบบทางยาวตามขนาดที่คุณต้องการ สำหรับในส่วนขนาดนั้น แนะนำให้คุณกะประมาณดูค่ะว่าสามารถที่จะนำออกมาพับได้เป็น 3 ส่วนหรือไม่
7.หลังจากรีดแป้งจนแบนได้ที่ดีแล้วก็ให้ย้ายตำแหน่ง โดยหมุนแป้งจากแนวตั้งให้มาอยู่ในแนวนอน
8.เริ่มพับแป้งจากทางด้านซ้ายก่อน โดยให้ขอบแป้งทบมาอยู่ตรงกึ่งกลาง จากนั้นจึงพับแป้งด้านขวาให้ขอบมาบรรจบกันที่ตรงกลางของแผ่นด้านซ้ายพอดี
Tip : สำหรับขั้นตอนที่ทำเสร็จไปแล้วนั้น เป็นการแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วนแล้วทับทบกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดชั้นของเนยและแป้งขึ้นนั่นเอง
9.เอาแป้งที่พับเสร็จแล้วไปแช่ตู้เย็นประมาณ 30 นาที
Tip : การนำแป้งไปแช่ตู้เย็นต่อก็เพื่อให้แป้งได้คลายตัวและยังช่วยป้องกันไม่ให้เนยละลายจนซึมเข้าไปภายในเนื้อแป้ง ซึ่งคุณสามารถคำนวนช่วงเวลาในการแช่ได้ตามความเหมาะสมว่าควรมากกว่าหรือน้อยกว่า 30 นาที เพราะความเย็นของตู้เย็นแต่ละบ้านมีอุณหภูมิความเย็นที่แตกต่างกันนั่นเอง หรือสามารถสังเกตในอีกกรณีหนึ่งก็ได้ค่ะว่า หากคุณรีดแป้งแล้วพบว่าแป้งฉีกขาดจนเนยทะลักออกมา ก็ให้โรยแป้งบางๆ ในบริเวณที่ขาดจากนั้นนำแป้งเข้าไปแช่ในตู้เย็นอีกครั้งทันที
10.เมื่อนำแป้งไปแช่เย็นจนได้ที่แล้วก็ให้เอาแป้งออกมารีดอีกครั้งในลักษณะเป็นแนวยาว โดยเริ่มรีดแป้งจากทางด้านกว้างเพื่อให้แป้งขยายออกเล็กน้อย (รีดด้านบนและด้านล่าง) จากนั้นจึงรีดแป้งให้เป็นแนวยาว คือให้รีดออกไปทางด้านซ้ายและขวา พร้อมกะประมาณขนาดด้วยว่าต้องเพียงพอที่จะสามารถนำมาพับเป็น 3 ส่วนได้
Tip : แนะนำให้ลองจับแป้งและเนยก่อนค่ะ แป้งและเนยที่มีสภาพดีจะต้องไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป เพื่อให้สามารถนำมารีดได้และที่สำคัญความเย็นจะต้องยังอยู่
11.พับแป้งให้เป็น 3 ทบ โดยเริ่มจากพับแป้งทางด้านซ้ายมือ ให้ขอบแป้งมาอยู่ตรงบริเวณกึ่งกลาง จากนั้นจึงพับแป้งจากทางด้านขวาให้มาบรรจบกันพอดีกับขอบแป้งทางด้านฝั่งซ้าย
Tip : พับเหมือนกับการพับ 3 ทบในครั้งที่ผ่านมา แต่มีความต่างกันตรงที่การพับ 3 ทบครั้งนี้ (ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว) ขนาดของแป้งที่พับเสร็จจะมีขนาดที่บางลงมากกว่าเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ง่ายกับการนำแป้งไปรีดให้เป็นแผ่นบางและขึ้นรูปทรงของขนมครัวซองต์
12.เมื่อพับ 3 ทบครั้งสุดท้ายนี้เสร็จแล้วก็เอาแป้งไปแช่เย็นต่อ โดยแช่ทิ้งไว้ 1 คืน
13.วันต่อมาก็นำแป้งที่แช่ไว้ออกมารีดจนเป็นแผ่นบาง โดยมีความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร ถ้าจะให้ดี แนะนำให้รีดเป็นแผ่นบางกว่านั้นอีกสักเล็กน้อย เพื่อที่เราเวลาม้วนแป้งจะได้ม้วนง่ายขึ้น และยังทำให้ได้เนื้อที่แน่นขึ้นด้วย จากนั้นจึงตัดแป้งที่รีดเรียบแบนแล้วให้มีขนาดความสูง-กว้างตามต้องการ
ข้อควรรู้ : ขนาดขนมครัวซองต์โดยปกติจะมีความยาว 2 เท่าของขนาดความกว้าง (หรือฐานของมันนั่นเอง) เช่น หากวัดขนาดความสูงของครัวซองต์ได้ 6 นิ้ว ความกว้างหรือฐานครัวซองต์ก็ควรอยูีที่ประมาณ 3 นิ้ว แต่อย่างไรก็ดี เรื่องของขนาดนั้นก็ไม่ได้ถือเป็นกำหนดที่แน่นอนตายตัวเสมองไป เพราะขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนนั่นเอง
14.สำหรับวิธีขึ้นรูปครัวซองต์ ให้คุณใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งกดตรงฐานเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างให้ดึงแป้งด้านยาวออกไป แล้วให้ยืดมุมแป้งตรงบริเวณด้านล่างทั้งสองข้างออกสักเล็กน้อย จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วสองข้างม้วนแป้งขึ้นไปจนสุด โดยให้ส่วนปลายของแป้งที่เป็นลักษณะยอดแหลมทับอยู่ในส่วนด้านล่าง
Tip : ถ้าพบว่าแป้งอ่อนตัวมากหรือเนยเริ่มใกล้ที่จะละลายก็ให้เอาไปแช่เย็นสักพักก่อน แล้วจึงนำออกมาขึ้นรูปครัวซองต์ใหม่อีกครั้ง
15.หลังจากขึ้นรูปครัวซองต์เสร็จหมดแล้ว ก็ให้นำไปเรียงใส่ถาด พักจนแป้งขึ้นได้ที่
Tip : สำหรับระยะเวลาในการพักแป้งนั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิภายในห้องค่ะ หากห้องมีอุณหภูมิอุ่น ครัวซองต์ก็จะขึ้นได้เร็ว สังเกตจากขนาดของครัวซองต์ที่จะใหญ่ขึ้น ซึ่งชั้นที่ม้วนไว้ก็จะขยายออกมาเป็นลักษณะชั้นๆ อย่างเห็นได้ชัด จากนั้นทาไข่แล้วเตรียมนำเข้าเตาอบ
16.สำหรับระยะเวลาและอุณหภูมิในการอบ แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยอบประมาณ 20 นาที เมื่อครบ 10 นาทีแรกให้กลับถาดครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงอบต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าสีของแป้งจะสุกเหลืองสวยจนทั่วทั้งตัวครัวซองต์ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ สำหรับวิธีทำครัวซองต์เนยสดให้หอมอร่อยและน่ารับประทาน
แม้ว่าครัวซองต์จะเป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำหลากหลาย แต่เมื่อทำออกมาแล้วรับรองเลยค่ะว่าอิ่ม อร่อยคุ้มค่ากับช่วงเวลาในการรอคอยและตั้งใจทำอย่างอดทนจริงๆ สำหรับบ้านไหนที่โปรดปรานการกินครัวซองต์เป็นชีวิตจิตใจ หรือกำลังมองหาขนมอร่อยๆ มาทานพร้อมกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ชอบ บอกเลยค่ะว่าลองเข้าครัวทำครัวซองต์กินกันทั้งบ้าน ไม่มีผิดหวังกันอย่างแน่นอน