พระเครื่อง เครื่องราง

วิธีทาครีมกันแดดให้เหมาะสม เพื่อการปกป้องรังสี UV ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

วิธีทาครีมกันแดดให้เหมาะสม เพื่อการปกป้องรังสี UV ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
วิธีทาครีมกันแดดให้เหมาะสม เพื่อการปกป้องรังสี UV ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เนื่องจากปัจจุบันแสงแดดร้อนแรงมากขึ้น นอกจากการทาครีมบำรุงผิวแล้ว สาวๆ พลาดการทาครีมกันแดดไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทั้งยังควรพกพาครีมกันแดดติดตัวเพื่อทาซ้ำตลอดทุกช่วง 1-2 ชั่วโมงด้วย เพื่อป้องกันรังสี UV จากแสงแดดไม่ให้ทำลายผิวจนคล้ำเสีย ด้วยเหตุนี้ เราจึงหยิบวิธีเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างเหมาะสมมาฝาก

การเลือกใช้ครีมกันแดดใช้ยังไงให้เหมาะสมกับสภาพผิว ทาซ้ำบ่อยครั้งแค่ไหนและควรเลือกค่า SPF อย่างไร รวมถึงวิธีเก็บครีมกันแดดอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้ครีมเสื่อมประสิทธิภาพเร็ว เหล่านี้.. เรามีคำตอบมาฝากแล้วดังนี้ค่ะ 

เลือกทาครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิว

นอกจากการทาครีมบำรุงผิวทั่วไปแล้ว ครีมกันแดดก็เป็นไอเทมสำคัญเช่นกันที่สาวๆ จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิว เพราะผิวของคนเรามีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะสาวผิวมันและผิวแพ้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อบางเบาหรืออาจจะเป็นครีมในรูปแบบเนื้อเจลหรือเซรั่มก็ได้ เพื่อการซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก ป้องกันความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขนและไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองผิวง่าย ในขณะที่สาวผิวแห้งหรือสาวผิวผสมนั้น เหมาะที่จะใช้ครีมกันแดดเนื้อโลชั่นหรือครีมที่ให้ประสิทธิภาพในการบำรุงอย่างเข้มข้น เพื่อบำรุงผิวสาวๆ ให้นุ่มชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีในตัวด้วยนั่นเอง

ทาครีมกันแดดผิวหน้า
ทาครีมกันแดดผิวหน้า

ทาครีมกันแดดผิวหน้า ตอนไหนดี?

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนอาจมีสับสนกันไม่น้อยว่าระหว่างครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดนั้น เราควรทาตัวไหนก่อนดี จริงๆ แล้ว เราควรทาครีมบำรุงผิวลงไปก่อนค่ะ เพื่อให้สารอาหารผิวได้ทำหน้าที่บำรุงผิวอย่างล้ำลึกเต็มที่ก่อน หลังจากทาเสร็จแล้วก็รอสักครู่จนเนื้อครีมซึมลึกหรือแห้งดีแล้ว จากนั้นจึงทาครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าต่อไป การใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิวหน้านั้น เราควรใช้ประมาณ 2 ข้อปลายนิ้วกลางจะดีที่สุด โดยทาให้ทั่วทั้งผิวใบหน้าและลำคอก็จะช่วยปกป้องรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วค่ะ 

เลือกค่า SPF (sun protection factor) อย่างไรจึงจะเหมาะสม?

นับเป็นเรื่องหนึ่งที่สาวๆ ยังคงสงสัยและเป็นข้อถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ ถึงการเลือกทาครีมกันแดดตามค่า SPF ต่างๆ คุณเองก็คงอยากรู้เหมือนกันใช่มั้ยล่ะคะว่าเราควรเลือกใช้ครีมกันแดดค่า SPF ระดับไหนจึงจะเหมาะสมต่อการปกป้องแสงแดดได้อย่างดีแท้จริง ซึ่งอันที่จริงแล้ว การเลือกทาครีมกันแดดตามค่า SPF ไม่ว่าจะมากหรือน้อยนั้นล้วนขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละวันนั้นมากกว่า เช่น สำหรับสาวๆ ที่นั่งทำงานในออฟฟิศหรืออยู่ในบ้าน ไม่ค่อยได้โดดแสงแดดเท่าไรนักอาจเลือกทาครีมกันแดดค่า SPF 15-30 ขึ้นไปก็จะช่วยป้องกันรังสี UVB ได้สูงถึง 93% แต่ขณะเดียวกันนั้น สำหรับสาวๆ ที่มีกิจกรรมกลางแจ้งหรือต้องออกแดดบ่อยๆ แนะนำให้เลือกใช้ค่า SPF 30-50 ขึ้นไปจะดีกว่า เพราะมันสามารถปกป้องผิวจากรังสีได้สูงถึง 98% เลยนั่นเอง

ทาครีมกันแดด
ทาครีมกันแดด

ทาครีมกันแดดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง

เมืองไทยเราแสงแดดร้อนแรงทุกวัน การทาครีมกันแดดแค่วันละครั้งย่อมไม่เพียงพอแน่นอน แนะนำให้คุณพกพาครีมกันแดดติดตัวตลอดเวลา โดยให้หมั่นทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวจากรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสาวที่มีกิจกรรมกล้างแจ้งบ่อยๆ ห้ามละเลยเด็ดขาด! 

SUNSCREEN, SUNBLOCK และ SUNTAN เหมือน…หรือต่างกันอย่างไร?

สำหรับครีมกันแดดที่มี SUNSCREEN หรือ SUNBLOCK ระบุบนตัวผลิตภัณฑ์ก็คือ ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดผสมอยู่นั่นเอง โดยให้คุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV ได้ แต่ในขณะเดียวกัน SUNTAN บางยี่ห้อก็อาจมีสาร DHA (Dihydroxy acetone) และสารกันแดดเพียงแค่เล็กน้อยเป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยกระตุ้นสีผิวให้เข้มหรือกลายเป็นผิวสีแทนเมื่อกระทบกับแสงแดด

วิธีเก็บครีมกันแดดให้เหมาะสม

หลังจากทาครีมกันแดดเสร็จแล้ว ไม่ควรวางทิ้งในจุดที่มีแสงแดดร้อนสาดส่องมากระทบหรือเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิร้อนๆ อย่างเช่นในรถหรือวางทิ้งไว้ริมชายหาดขณะที่ลงไปเล่นน้ำทะเล เพราะการเก็บครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงหรือทำให้หมดอายุเร็ว รู้แบบนี้แล้วก็หาที่เก็บให้พ้นจากแสงแดดหรืออากาศร้อนๆ จะดีกว่า 

ทาครีมกันแดด
ทาครีมกันแดด

ครีมกันแดดอยู่ได้กี่ปี?

ครีมกันแดดจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยครีมกันแดดที่ซื้อมาใหม่ และยังไม่ได้เปิดใช้จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 3 ปีนับตั้งแต่วันผลิต แต่หากเปิดใช้แล้วก็ควรที่จะใช้ให้หมดภายใน 1 ปี (นับจากวันเปิดใช้ครั้งแรก) เพราะหากปล่อยให้นานเกินกว่านั้นประสิทธิภาพของการปกป้องแสงแดดไม่ให้ทำลายผิวก็จะเสื่อมลงตามระยะเวลาที่ผ่านไปนาน ขณะเดียวกัน ครีมกันแดดอาจมีอายุการใช้งานไม่ถึง 1 ปีได้เช่นเดียวกัน ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV อาจลดลงหรือหมดอายุการใช้งานได้ก่อนกำหนด เพราะหากคุณเก็บครีมกันแดดไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความเหมาะสม โดยเฉพาะการเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงเกินไป ไม่เพียงเท่านั้น สาวๆ ควรหมั่นสังเกตด้วยนะคะว่าเนื้อครีมกันแดดเกิดการเปลี่ยนสีไปหรือไม่ หากพบว่ามีการเปลี่ยนสีและพบกลิ่นที่แปลกไปจากเดิม แนะนำให้เลิกใช้และซื้อครีมกันแดดขวดใหม่มาใช้แทนจะดีที่สุด

วิธีใช้ครีมกันแดดแบบสเปรย์ ใช้ยังไงไม่ให้หน้าพัง?

– ก่อนซื้อครีมกันแดดแบบสเปรย์มาใช้ ควรอ่านรายละเอียดบนผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนก่อนว่าครีมกันแดดนั้นๆ ใช้สำหรับผิวส่วนใด เช่น หากขวดไหนระบุว่า Face & Body ก็สามารถนำมาใช้กับใบหน้าร่วมกันด้วยได้

– อ่านรายละเอียดของส่วนประกอบว่ามีสารชนิดไหนที่ทำให้เราแพ้หรือไม่ โดยเฉพาะหากสเปรย์กันแดดมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์บอกเลยค่ะว่าไม่ควรใช้เด็ดขาด โดยเฉพาะกับใบหน้า เพราะอาจจะทำให้ผิวหน้าสาวๆ มีปัญหาแทนก็เป็นได้

– การฉีดสเปรย์กันแดดอย่างถูกต้อง แนะนำว่าไม่ควรฉีดลงบนใบหน้าโดยตรง ควรฉีดใส่ลงบนอุ้งมือก่อนจากนั้นจึงนำมาทาลงบนผิวหน้าแบบบางเบา จะได้ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแพ้หรือระคายเคือง โดยเฉพาะผิวอันบอบบางบริเวณรอบดวงตาที่ควรระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

ทราบกันเช่นนี้แล้ว จากนี้อย่าปล่อยให้แสงแดดทำลายผิวจนคล้ำเสียอีกต่อไปกันนะคะ เพราะนอกจากผิวจะดำคล้ำ เป็นก่อเกิดของริ้วรอย จุดด่างดำและฝ้ากระแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงให้ผิวสาวเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังขึ้นง่ายอีกด้วย แต่การทาครีมกันแดดดังที่เรานำมาฝาก ล้วนให้ข้อมูลแก่สาวๆ ได้อย่างครบถ้วนทั้งสิ้น

ทาครีมกันแดด
ทาครีมกันแดด

เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากนี้ไปคุณจะเลือกทาครีมกันแดดอย่างเหมาะสมถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ได้อย่างเต็มที่ ผิวสวยกระจ่างใสไร้ความคล้ำเสียจากแดดจะได้เป็นของคุณอย่างยาวนาน