เพราะ “ความเครียด” ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพของผู้เป็นแม่เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ที่อาจจะทำให้เด็กที่คลอดออกมามีภาวะเครียดสูง คลอดก่อนกำหนด หรือมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติได้
ดังนั้น เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดี จึงเป็นหน้าที่ที่คุณแม่จะต้องจัดการกับความเครียดให้อยู่หมัด ซึ่งมีกลวิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
บริหารสมอง.. เพิ่มประสิทธิภาพการจดจำ
เพราะสมองเป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อนและสำคัญต่ออวัยวะทุกส่วนในร่างกาย และในวันหนึ่งๆ คนเราจำเป็นต้องใช้สมองไปกับการเรียนรู้ จดจำ และการทำกิจกรรมต่างๆ มากมายจนอาจทำให้สมองเกิดความอ่อนล้า และส่งผลให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว การบริหารสมองด้วยเกมง่ายๆ เช่น เกมปริศนาอักษรไขว้ การต่อภาพจิ๊กซอว์ การฝึกจำเลขประจำตัวประชาชนของตนเองทั้ง 13 หลัก หรือหมายเลขโทรศัพท์ของคนสำคัญ
นอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิและกระตุ้นความทรงจำได้ดีแล้ว การลดภาระการทำงานของสมองด้วยการเขียนข้อความสั้นๆ สำหรับเตือนความจำเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำติดไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่าย เช่น โต๊ะทำงาน หรือตู้เย็น รวมทั้งการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะต้องทำไปตามลำดับ โดยเลือกทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งให้เสร็จสิ้นไปทีละอย่าง นอกจากจะช่วยให้ภารกิจของคุณแม่บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างราบรื่นขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจดจำ รวมทั้งทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
ออกกำลังสมอง เพิ่มประสิทธิภาพการคิดและตัดสินใจ
ใช่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะสมองก็เป็นอวัยวะที่ต้องการการออกกำลังเช่นกัน เนื่องจากจะเป็นการกระตุ้นให้สมองมีความตื่นตัว สามารถตัดสินใจอะไรได้อย่างรอบคอบ ฉับไว เป็นระบบและมีเหตุผล ทั้งยังช่วยให้ไม่เกิดอาการหลงลืมง่ายเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมที่จะช่วยให้สมองได้ออกกำลังนั้น
นอกจากจะใช้วิธีการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ซึ่งดีต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆ รวมทั้งเป็นการช่วยเติมออกซิเจนให้กับสมองแล้ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กับกิจกรรมที่คุณแม่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น วาดรูป เล่นดนตรี ทำงานฝีมือหรือสิ่งประดิษฐ์ง่ายๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สมองตื่นตัว กระปรี้กระเปร่าแล้ว ก็อาจก่อให้เกิดรายได้เสริมในระหว่างตั้งครรภ์ได้ด้วย
คิดบวกเพื่อเสริมสร้างทัศนคติที่ดี
เพราะการคิดบวกเป็นการทำให้ตัวเองมีความสุขโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด แต่เป็นการคิดเพื่อให้เราเข้าใจในสิ่งที่กำลังเป็นไป ดังนั้น การเสริมสร้างทัศนคติด้วยการคิดบวกอยู่เสมอ จึงเป็นกลวิธีที่จะทำให้คุณแม่มีสุขภาพกายและใจที่สมดุล เป็นคนไม่เครียดกับอะไรง่ายๆ อีกทั้งการมองโลกในแง่ดี ก็ยังทำให้เป็นคนที่มีบุคลิกร่าเริงแจ่มใส ซึ่งนอกจากจะทำให้ถูกมองว่าเป็นคนน่ารักน่าคบหาด้วยแล้ว อารมณ์ที่แจ่มใส ยังส่งผลต่อลูกน้อยให้เกิดมาเป็นคนที่มีอารมณ์ดีตามไปด้วย
หาเวลาดีๆ เพิ่มความสดชื่นให้กับสมอง
เพราะช่วงเวลาดีๆ มักทำให้ผู้ที่อยู่ในช่วงเวลาเหล่านั้นมีความสุข อิ่มเอมใจ และผ่อนคลายกับทุกสิ่ง การหาช่วงเวลาดีๆ ในแต่ละวันสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ว่าจะเป็นการไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่มีอากาศบริสุทธิ์ การหางานอดิเรกทำ หรือฟังเพลงคลาสสิค ซึ่งมีผลการวิจัยยืนยันแล้วว่าช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น รวมทั้งช่วยพัฒนาการคิดอย่างเป็นระบบ และความมีเหตุผล ซึ่งดีทั้งต่อตัวคุณแม่และพัฒนาการทางสมองของเจ้าตัวน้อย
นอกจากนี้ การได้พูดคุยเรื่องเบาๆ สบายๆ และการได้หัวเราะไปกับเรื่องราวขำขัน ก็ยังจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารความสุขออกมาทำให้หัวใจมีการเต้นเป็นจังหวะที่ดีต่อการสูบฉีดโลหิตและออกซิเจนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และสมอง ทำให้สมองได้รับความสดชื่น กระฉับกระเฉง พร้อมรับมือกับสมาชิกใหม่ที่จะเกิดมาพร้อมกับสุขภาพกายและใจที่ดี