ปฏิเสธกันไม่ได้เลยนะคะว่าการทานอาหารที่เราโปรดปรานนั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนเราทุกคน โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติหวานๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มก็ตาม หากให้ความหวานกลมกล่อมด้วยแล้วในช่วงเวลาที่เราคร่ำเครียดมา อาหารเหล่านั้นจะบำบัดความเครียด บำบัดอารมณ์ทำให้เราอารมณ์ดีเป็นปลิดทิ้งทีเดียว ทว่าหากกินมากเกินไปจนติด น้ำตาลที่สะสมภายในร่างกายอาจจะเป็นบ่อเกิตของโรคร้ายอย่างเบาหวานได้นะคะ และวันนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคนี้กันค่ะ
โรคเบาหวานกลายเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตของผู้คนทั่วโลก และดูเหมือนว่ามันจะยังคงก่อตัวแพร่ขยายคุกคามชีวิตมนุษย์เราอย่างต่อเนื่อง จากในอดีตที่ผู้ป่วยเบาหวานจะพบได้ในวัยผู้ใหญ่ ก็เริ่มพบได้ในเด็กที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็อาจจะมาจากพฤติกรรมในการรับประทานอาหารของเราในปัจจุบัน รวมไปถึงการดำเนินชีวิตที่ผิดวิธีอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้โรคเบาหวานกลายเป็นปัญหาสังคมที่เราทุกคนอาจจะต้องตระหนักและเข้าใจถึงภัยคุกคามที่จะตามมาจากโรคเบาหวานอีกมายในอนาคต
เบาหวานกับสิ่งที่ติดตามมา
อาการของโรคเบาหวานอาจจะดูไม่ค่อยน่ากลัวและเราก็อาจจะไม่ตกใจนักเมื่อพบว่าตัวเองป่วย ด้วยยาและการรักษาในปัจจุบันส่งผลให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขได้เหมือนคนทั่วไป แต่ทว่าสิ่งที่จะติดตามมาต่อจากนั้นเมื่อโรคเบาหวานของเราเริ่มอยู่กับเรานานวันขึ้น ก็คือปัญหาจากการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะภายใน นอกจากนั้นการปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมปริมาณน้ำตาลและพฤติกรรมของเราให้ดี เบาหวานก็จะเข้าไปทำลายระบบอวัยวะต่างๆ ให้เกิดการทำงานผิดปกติ กลายเป็นภัยเงียบที่รอวันเปิดเผยตัวขึ้นมาในไม่ช้า
ในช่วงเริ่มต้นหรือขณะที่เรายังป่วยเป็นโรคเบาหวานได้ไม่นานนัก อาจจะพบกับภาวะแทรกซ้อนที่ไม่รุนแรง นั่นก็คือความเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงหรือต่ำจนเกินไป ทำให้เราหมดสติหรือชักได้ ส่วนผู้ป่วยที่ป่วยมาเป็นระยะเวลานานๆ เบาหวานจะเป็นตัวที่เข้าไปทำลายระบบการทำงานของหลอดเลือด ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดในระบบต่างๆ เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เป็นผลให้เซลล์ต่างๆ ขาดออกซิเจน จนนำไปสู่อาการสมองขาดเลือด นำมาซึ่งอาการชาตามร่างกาย จนกลายเป็นอัมพาต นอกจากนั้นเบาหวานยังมีผลกับระบบการทำงานของประสาท ส่งผลให้แขนขาไม่มีความรู้สึก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและบาดแผล ลุกลามติดเชื้อได้ง่าย และยังทำให้การทำงานของไตหนักขึ้น เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมักจะพบเจอกับปัญหาเบาหวานขึ้นตาจนตาบอด
ดังนั้น หากตอนนี้เรายังไม่ป่วย สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ การหลีกเลี่ยงอาหารที่หวานจัด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใครที่เป็นเบาหวานแล้ว ก็พยายามดูแลใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาลให้คงที่อยู่เสมอ และเข้ารับการตรวจรักษาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถห่างไกลจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ดีขึ้นอีกทางหนึ่ง