เมนูอาหาร.com วันนี้เอาอกเอาใจคนรักสุขภาพและอยากทานอาหารประเภทต้มแกงกันเหมือนเดิม ใครที่เป็นคออาหารประเภทซดน้ำซุปร้อนๆ แสนอร่อยกลมกล่อม บอกแม่บ้านหรือคนใกล้ชิดให้เข้าครัวทำเมนูอาหารจานนี้กันสิคะ นั่นก็คือ ต้มจืดฟักกระดูกหมูนั่นเอง ว่าแล้วเราก็มาดูขั้นตอนการทำไปพร้อมกันเลยนะคะ
วัตถุดิบและเครื่องปรุง
– ฟักเขียวอ่อนขนาดเล็ก 1 ลูก ปอกเปลือกล้างให้สะอาดแล้วหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำพักไว้
– เห็ดหอมแห้ง 4-5 ดอก แช่น้ำให้นิ่มแล้วหั่นเป็นชิ้นพักไว้
– กระเทียมปอกเปลือกแล้วทุบหยาบ 7 กลีบ
– กระดูกหมู 500 กรัม (ครึ่งกิโลกรัม)
– รากผักชีทุบ 5 ราก
– เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
– ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
– ผงปรุงรส 1 ก้อน
ขั้นตอนการทำ
1. นำน้ำสะอาดใส่หม้อแล้วตั้งไฟ จากนั้นใส่รากผักชีลงไป
2. เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้ใส่กระดูกหมูลงไปค่ะ ขั้นตอนนี้นับว่าสำคัญอย่างมากเพราะหลังจากที่เราใส่กระดูกหมูลงไปแล้ว จากนั้นก็ให้เปิดไฟแรงจนกระทั่งน้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดปุดๆ จะมีไฟผุดออกมาลอยด้านบน ระหว่างนี้ให้คุณหรี่ไฟอ่อนลงแล้วอาศัยไฟอ่อนนี้เอง ค่อยๆ ทำการเคี่ยวกระดูกหมูไปเรื่อยๆ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที แล้วหมั่นพยายามช้อนเอาฟองออกเรื่อยๆ เพื่อให้ได้น้ำซุปกระดูกหมูที่ใสนั่นเองค่ะ
3. เมื่อเคี่ยวกระดูกหมูจนได้เวลา 30 นาทีแล้ว ให้นำฟักและเห็ดหอมที่คุณหั่นแช่น้ำไว้แล้วมาใส่ลงไปในหม้อ
4. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ได้แก่ เกลือป่น ซีอิ๊วขาวและผงปรุงรสแล้วชิมรสเพิ่มเติมได้เลยตามใจชอบ
5. ให้เคี่ยวหรือต้มต่อไปด้วยไฟอ่อนจนกระทั่งฟักสุกและเพื่อให้ได้กระดูกหมูอ่อนที่นุ่มและนิ่ม รับประทานได้ง่ายและสะดวกอร่อย โดยสังเกตดูว่าเนื้อฟักนั้นนิ่มหรือยังง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแค่ดูเนื้อฟักเนื้อที่สุกแล้วจะนิ่มและใสนั่นเอง
6. จากนั้นใครจะใส่ต้นหอมหรือไม่ก็ตามใจเลยค่ะ เสร็จแล้วให้คุณปิดไฟ ตักใส่ถ้วยโรยด้วยผักชี เหยาะผงพริกไทยป่นเล็กน้อย เสิร์ฟรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ กันได้เลยค่ะ
Tip เพื่อให้ได้น้ำซุปใสน่ารับประทาน
การเคี่ยวน้ำซุปให้ใสทำได้ง่ายมากค่ะ เพียงแค่ไม่ควรเคี่ยวด้วยไฟแรงหรือปล่อยให้น้ำเดือดพล่าน เพราะไม่เช่นนั้น น้ำซุปจะขุ่นไม่ใส แนะนำให้คุณหมั่นเฝ้าสังเกตแล้วช้อนฟองและไขมันออกเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำซุปใสน่ารับประทานซดน้ำร้อนๆ ได้อย่างอิ่มอร่อยท้องกันทั้งครอบครัวแล้ว
ไม่ยากกันเลยใช่มั้ยละคะ ใครที่ชื่นชอบการทานต้มจืดฟักกระดูกหมูเป็นประจำ หากยังทำเมนูอาหารนี้ไม่เป็น อย่าลืมนำเอาวิธีการทำที่เมนูอาหาร.com ได้แนะนำไปฝึกทำตามกันบ่อยๆ นะคะ