
งูเข้าบ้านเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวและอันตราย คุณควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัย:
1. ตั้งสติและอย่าตื่นตระหนก:
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องใจเย็นและอย่าพยายามจับงูด้วยตัวเอง งูส่วนใหญ่ไม่ก้าวร้าวและจะกัดก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าถูกคุกคาม
2. แยกตัวออกจากงู:
- หากคุณเห็นงู ให้ค่อยๆ ถอยห่างออกมาอย่างช้าๆ ให้ระยะห่างระหว่างคุณกับงูอย่างน้อย 2 เมตร
- หากอยู่ในห้องเดียวกัน ให้เปิดประตูทิ้งไว้และถอยออกจากห้อง
- อย่าพยายามไล่หรือต้อนงู เพราะจะทำให้งูตื่นกลัวและอาจโจมตีได้
3. สังเกตการณ์และระบุชนิดของงู (ถ้าเป็นไปได้):
- พยายามสังเกตลักษณะของงู เช่น ขนาด สี ลวดลาย เพื่อช่วยในการระบุชนิดของงู ซึ่งจะช่วยเจ้าหน้าที่ในการจับงูได้ง่ายขึ้น
- ถ่ายรูปหรือวิดีโอของงู (จากระยะปลอดภัย) หากสามารถทำได้
- การระบุชนิดของงูสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ทราบว่ามีพิษหรือไม่ และจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมหากถูกกัด

4. โทรขอความช่วยเหลือ:
- โทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
- หน่วยกู้ภัย, มูลนิธิ (ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ในพื้นที่ของคุณ)
- สายด่วนงูเข้าบ้าน 199 (เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล)
- สถานีดับเพลิงและกู้ภัย (ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ในพื้นที่ของคุณ)
- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 02 562 0760
- แจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสถานการณ์ ชนิดของงู (หากทราบ) และที่อยู่ของคุณ
5. เฝ้าระวังและให้ข้อมูล:
- ระหว่างรอความช่วยเหลือ ให้เฝ้าระวังงูจากระยะปลอดภัย อย่าให้คลาดสายตา
- หากงูเคลื่อนที่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่
- อย่าพยายามจับหรือไล่งูด้วยตัวเอง
6. ป้องกันงูเข้าบ้านในอนาคต:
- กำจัดแหล่งอาหารของงู เช่น หนู จิ้งจก
- อุดรอยรั่วหรือช่องว่างที่งูอาจใช้เลื้อยเข้ามา
- ตัดแต่งกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้กับตัวบ้าน
- เก็บกวาดบ้านให้สะอาดและเป็นระเบียบ
- ติดตั้งตะแกรงกันงูที่ท่อระบายน้ำ

ข้อควรจำ:
- อย่าพยายามจับงูเองเด็ดขาด แม้ว่าจะเป็นงูไม่มีพิษ เพราะคุณอาจได้รับบาดเจ็บหรือถูกกัดได้
- อย่ากรีดร้องหรือทำเสียงดัง เพราะจะทำให้งูตกใจและอาจโจมตีได้
- หากถูกงูกัด ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และแจ้งชนิดของงู (หากทราบ)
การป้องกันไว้ก่อนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับงูเข้าบ้าน การรักษาความสะอาดและกำจัดแหล่งอาหารของงูจะช่วยลดความเสี่ยงที่งูจะเข้ามาในบ้านของคุณได้มาก